การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์

ดูแลตัวเองอย่างไร หลังฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์เป็นชื่อเรียกทั่วไปของเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มที่เราเรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถ สร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่จะลดลงตามอายุที่มากขึ้น โดยมากจะใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย

"การฉีดฟิลเลอร์เป็นที่นิยมมากเพราะว่าผลข้างเคียงน้อย และเมื่อถึง ระยะเวลาหนึ่งก็จะสามารถสลายตัวไปตามธรรมชาติ" 

 

BEFORE CHECKLIST
ก่อนลงมือฉีดคุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

1. อย่าลืมงดยาและอาหารเสริมบางประเภท โดยเฉพาะยาในกลุ่มยา บรรเทาปวด NSAIDs เช่น Ibuprofen Aspirin เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวม หรือรอยช้ำบริเวณตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ รวมถึงอาหารเสริมบางประเภท เช่น วิตามินอี แปะก๊วย น้ำมันปลา ซึ่งอาจมีผลทำให้แผลช้ำ เลือดหยุดไหลช้า

2. ต้องแน่ใจว่าคุณไม่มีอาการแพ้สารตัวนี้ และตรวจสอบให้มั่นใจว่า สาร Hyaluronic acidที่ฉีดเข้าไปนั้นได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองจาก สถาบันทางการแพทย์หรือมาตรฐานทางสาธารณสุข ที่เชื่อถือได้

3. คุณอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ให้นมบุตร หรือกำลังรับยาต้านการแข็งตัว ของเลือดหรือไม่? ถ้าใช่ ไม่ควรฉีด เพราะอาจส่งผลข้างเคียงได้ค่ะ

4. หากคุณเป็นคนที่เกิดแผลนูนหรือคีรอยด์ ได้ง่าย ให้ทดลองทำส่วนอื่น ก่อนที่ไม่ใช่ใบหน้าหรือในบริเวณที่เห็นได้ชัด

 

AFTER CHECKLIST
ข้อควรรู้หลังจากการฉีดฟิลเลอร์

หลังการฉีด โดยมากแล้วจะมีอาการผิวหนังบวมแดง อาจมีอาการคันหรือคลำได้ เป็นก้อนใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา บางรายอาจพบรอยด่างหรือผิวหนังมีสี ที่เปลี่ยนไป แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองใน 48 ชั่วโมง

1. ใน 12 ชั่วโมงแรก อย่าแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงผิวทันทีหลังฉีด หากฉีดที่ริมฝีปาก ให้งดการใช้หลอดดูด งดสูบบุหรี่ และอย่าทาลิปสติกทันทีรวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว

2. งดการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้Œเหงื่อออกมาก รวมถึงการสัมผัสโดนความรŒ้อน เช‹น ซาวน่‹า การออกแดดจัดอาจทำให้Œการฉีด ไม‹ได้Œผลดีเท‹่าที่ควรและทำใหŒฟิลเลอรเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุการฉีดฟิลเลอร์ได้หลังจาก 48 ชั่วโมง คุณอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มี Hyaluronic Acid โมเลกุลขนาดเล็ก ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยและช่วยยืดประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ ได้นานขึ้นด้วย

 

การฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานที่สุดไม่เกิน 2 ปี และจะได้ผลดีมากขึ้นหากทำ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณด้วย โดยเฉพาะ อย่าลืมดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ เพื่อผลที่ดีขึ้นแต่หากอาการบวมแดงเป็นอยู่ นานเกิน 3 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

Visitors: 109,494